หกโมงเช้า....
ฉันไม่รู้ว่านกบนท้องฟ้ากู่ก้องด้วยถ้อยคำใด? และไม่รู้ว่าแมวที่เลี้ยงไว้ “เมี้ยว” ว่าอะไรถึงฉัน?
รู้แต่ว่าข้างตัวฉัน มีตัวประหลาดที่ชื่อน่ารักว่า
“ สวัสดี ” และ “ ขอบคุณ ” นั่งอมยิ้มอยู่
สวัสดีนั้นหน้าตาเหมือน “อมยิ้ม”
เพื่อความสุขของฉัน
มันเสนอให้ฉันอมมันเหมือนเมื่อตอนเด็กๆก็ได้ แต่ไม่ล่ะ ฉันชอบรอยยิ้มของมันมากกว่า...
ขอบคุณ ไม่ได้นั่งรึยืนพนมมือไหว้เหมือนในโปสเตอร์สวยอย่างไทย
มันคล้ายแสงอุ่นๆ ที่ลอยอยู่บนอากาศ มันเล่าให้ฉันฟังว่า คำขอบคุณแท้ๆ หาไม่ได้ง่ายนักในโลกใบนี้
มันถูกก๊อปปี้ไปทั่วด้วยคำขอบคุณ “สีดำ”
อันแสนหลอกลวง และฉาบเคลือบไปด้วยน้ำหวานแห่งความปลิ้นปล้อน
“ อ้าว
แล้วเราจะแยกยังไงล่ะ ไหนแท้ไหนเทียม ? ” ฉันยิงคำถาม
ขอบคุณไม่ตอบแต่เคลื่อนเข้ามาหาฉัน
และแทรกซึมเข้าสู่ร่างช้าๆ ฉันรู้สึกถึงบางสิ่งที่วิ่งเข้าสู่หัวใจ
“ อุ่นใจไหม? ” ขอบคุณส่งเสียงก้องออกมาเบาๆ
“ อื้อ ” มันคือความรู้สึกดี ดีจนฉันแทบอยากจะกอดเก็บเอาไว้ไม่ให้หายไปไหน
“
ส่วนของก๊อปน่ะ เวลาคุยด้วย มันจะล่อลวงเราให้หลงไหลได้ปลื้ม
แต่ไม่ช้านานมันจะปกคลุมหัวใจเราไว้จนหมด จากนั้นก็กลายร่างเป็นปีศาจร้ายร่างดำทมึน
บีบรัดหัวใจของเราไว้ ให้เราเจ็บ เจ็บช้ำทรมาน จนต้องล้วงคอเอาคำขอบคุณนั่นออกมา ” ขอบคุณอธิบายซะฉันสยดสยอง
และขอให้ตัวเองฉลาดพอที่จะไม่โดนบีบหัวใจอย่างนั้น
แล้ว “ สวัสดี”
ล่ะ มีของก๊อปปี้ไหม ? ฉันหันไปถามสวัสดีบ้าง
สวัสดีขำก๊ากแล้วถาม “ โอ๊ย....
ป้า ป้าคิดว่าตัวเองโง่ รึฉลาดล่ะ ”
เมื่อเห็นฉันทำหน้าหมางง
สวัสดีจึงขยับตัวมานั่งข้างๆ ใช้แขนข้างหนึ่งโอบฉันเอาไว้ พลางตบเบาๆ
“ ฉันอาจจะเป็นของแท้
ที่เรียกง่ายๆว่า แท้สุดท้ายแล้วก็ได้นะ ป้าก็รู้ ว่ามนุษย์ จริงใจต่อกันแค่ไหน ? ”
“ ใช่ฉันก็คงเป็นคำขอบคุณคำสุดท้ายแท้ๆ
แบบลิมิเต็ดเอดิชั่นเหมือนกันนั่นแหละ ” ขอบคุณรีบสมทบ
“ เฮ้ย! ไม่เอา จะบ้าเหรอ อย่ายอมแพ้ง่ายๆ สิ ”
ฉันพยายามให้กำลังใจ และช่วยหาทางออก
“ เอางี้ ไหนๆ
ก็โผล่มาหลอนกันทั้งคู่แบบนี้แล้ว ห้ามไปไหนทั้งนั้น จนกว่าฉันจะช่วยพวกเธอได้
ตกลงไหม
? ”
ทันใดนั้นเอง สวัสดีและขอบคุณ ก็หันมาอมยิ้มให้ฉัน แล้วบอกว่า
“ ต้องเริ่มที่ตัวเธอ
พลังดีๆ จากตัวเธอจะส่งไปยังผู้คนรอบข้าง สวัสดีแล้วยิ้มให้ตัวเองทุกเช้า ขอบคุณให้กับตัวเอง
ให้กับทุกสิ่งรอบข้าง แล้วเธอจะช่วยให้พวกฉันมีแรงมากพอ พอที่จะทำหลายทีมนักก๊อปพวกนั้น
”
“ แค่เนี๊ยะ ? ” ฉันถาม
“
แค่นี้คนเราก็แทบไม่ทำกันแล้ว ไม่ใช่เหรอ ? ” สวัสดีย้อนถาม
“
ลองคิดดูสิ ถ้ามนุษย์ทุกคนทำ มันจะดีแค่ไหน ? ” ขอบคุณสมทบ
“ ถ้าเป็นมนุษย์ฉันจะไม่รีรอที่จะทำมันเลยรู้ไหม
เฮ้อ... ” สวัสดีถอนหายใจเฮือกใหญ่
เมื่อสวัสดีเห็นฉันทำหน้างง
ก็รีบอธิบายเสียเป็นหลักการว่า
“ ในทางพุทธแล้ว ท่านสอนไว้ว่ามนุษย์นี่แหละที่ใครๆ ก็อยากเป็น
เพราะมันคือโอกาสเดียวที่จะได้สะสมกรรมดี ละเว้นกรรมชั่ว
และสะสมบุญบารมีเพื่อบรรลุมรรคผลนิพพานได้ ”
“ อืมม์...งั้นเหรอ” ฉันพยักหน้ารับ
“’งั้นดิ โอกาสที่จะเกิดเป็นมนุษย์น่ะ
เหมือนเต่าที่ว่ายอยู่ในมหาสมุทร แล้วโผล่ขึ้นมาเหนือผิวน้ำ
ในช่องว่างของห่วงยางอันเดียวที่ลอยคว้างอยู่ แบบพอดิบพอดี ...แต่มนุษย์ก็นะ
ไม่ยอมเป็นมนุษย์ ” สวัสดีบ่น
“ เพราะความใฝ่ต่ำของมนุนย์ใช่ไหม
ที่ส่งแต่พลังงานลบๆออกมา เอาแต่จะด่ากัน ฆ่ากัน กระทืบกัน เอาเปรียบกัน
อาฆาตแค้นกัน อารมณ์พวกนี้เหมือนเป็นอาหารให้พวกก๊อปปี้ พวกมันงอกงามขึ้นเรื่อยๆ
แล้วความเป็นของปลอมของมัน สุดท้ายก็ปล่อยพิษออกมาให้มนุษย์เราเจ็บตัว เจ็บใจ”
“ ใช่ ” สวัสดีกับขอบคุณตอบพร้อมกันลั่น
“ แล้วถ้าเราไม่ทำอย่างสักอย่าง
สุดท้าย เราทั้งหมดก็อาจจะกลายเป็นมนุษย์ปลอมๆ ”
“ ใช่ มนุษย์ปลอมๆ ” สวัสดีกับขอบคุณพูดพร้อมกัน พลางพยักหน้าหงึกๆ
ฉันตั้งคำถามกับตัวเอง แล้วฉันล่ะ ปลอมแค่ไหน? ก่อนที่จะเดินไปหยุดหน้ากระจก มองริ้วรอยที่ขโมยวัยสาวไปอย่างไม่หวนกลับ
มองแววตาที่หม่นเศร้า มองไหล่คุ้มโค้ง มองอดีตแสนระทมที่ไม่มีวันหวนคืน มอง...และมองอยู่อย่างนั้นพักใหญ่
ก่อนที่คนในกระจกจะกล่าวสวัสดี ยิ้มบางๆ ให้กำลังใจ
“ สวัสดี ” ฉันทักทายตอบ “ ขอบคุณนะที่ยังอยู่ตรงนี้
ขอบคุณที่ไม่ทิ้งกันไปไหน ขอบคุณ ฉันรักเธอ ”
ทันใดนั้นเอง
ขอบคุณและสวัสดีก็เปล่งแสงสวยงาม ขอบคุณดูอบอุ่นขึ้น
ส่วนสวัสดีก็เป็นอมยิ้มสายรุ้งแสนสวยงาม ทั้งสองกอดฉันแน่น ก่อนจะค่อยๆ เลือนหายไป
...ฉันไม่รู้ว่าพวกเขาไปไหน...
แต่รู้ว่าหากเราทำตามที่ทั้งสองขอไว้ โลกเราคงมี “มนุษย์ที่แท้” มากขึ้น
==================================================================
===================================================================
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น