“ ผมเป็นมนุษย์คนสุดท้ายที่หลงเหลืออยู่บนโลกใบนี้ ผมเชื่ออย่างนั้นนะ ” ชายรูปหล่อพูดกับตัวประหลาดหน้าตาเหมือนหัวใจดวงโตที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“ แล้วอะไรทำให้ท่านเชื่ออย่างนั้นล่ะ ” ตัวประหลาดนั้นซักต่อ
“ ก็ผมย่ำไปทั่วทุกทิศ เที่ยวตามหาผู้คนไปทั่วทุกแห่ง แต่ผมก็ได้แต่เดินข้ามซากศพของเพื่อนมนุษย์ด้วยกันมานับแสนนับล้าน ดูสิดู ฝ่าเท้าของผมเป็นสีเลือด ดมสิดม ตัวของผมประพรมไปด้วยกลิ่นซากศพ”
“ หมาย…หมายความว่า ตอนนี้โลกทั้งใบแปรเปลี่ยนเป็นสุสานเสียแล้ว อย่างงั้นรึ ” ตัวประหลาดระล่ำระลักถาม มันตกใจเหลือเกินที่ได้ยินเช่นข่าวร้ายเช่นนั้น
ชายรูปหล่อไม่ตอบ เขาลากสังขารดิ่งไปที่แม่น้ำ แล้วกระโดดโครม ! ลงไปทันที
“วู้วววว….. ๆๆๆ ” เสียงตะโกนโห่ร้องของเขาดังก้องไปถึงแนวสันเขา
“ วู้วๆๆ ”
เสียงนั้นเดินทางกลับมาอย่างแผ่วเบาจนเหมือนกับว่ามีมนุษย์อีกคนตอบกลับ แรกนั้นมันทำให้เขานึกขัน แต่ไม่นานนักน้ำตาก็ไหลริน ความเศร้าโศกถาโถมกัดกินจนเขาขยะแขยงตัวเอง เขาอาละวาดฉีกทึ้งเสื้อที่ใส่ แล้ววักน้ำล้างเนื้อตัวประหนึ่งว่าคราบเลือดได้กัดกินลงไปถึงชั้นกระดูก
เจ้าตัวประหลาดเห็นท่าไม่ดี รีบกระโจนลงน้ำเข้าห้ามปราม และลากหนุ่มหล่อขึ้นมานอนแผ่หราบนฝั่ง
“ สกปรก สกปรก ผมมันสกปรก ” หนุ่มหล่อพร่ำพูดขณะที่สายตาจับจ้องไปยังท้องฟ้า
“ ทำไมล่ะ ? ” ตัวประหลาดเข้ามานั่งข้างๆ ถามด้วยความห่วงใย
“ เพราะฉันฆ่าทุกคนในโลก ” เสียงของเขาเปลี่ยนไปเป็นทุ้มต่ำ มีอำนาจ เหมือนชายสูงวัยที่ผ่านกาลเวลามานาน ทันใดนั้นเองเจ้าหนุ่มหล่อก็ม่อยหลับ ขณะที่ควันดำทะมึนเคลื่อนตัวออกมาจากอก มีแขนขาและดวงตางอกออกมา
แม้หน้าตาจะพิลึก ตัวประหลาดหน้าตาเหมือนหัวใจก็ได้หาตกใจไม่
“ ท่านคือเจ้าแห่งความโกรธสินะ ”
ควันดำหน้าตาค้อมตัวรับ
“ ถ้าเข้าใจไม่ผิด รูปร่างเหมือนหัวใจเช่นนี้ ท่านคือ เจ้าให้อภัยที่เขาร่ำลือกันว่าครั้งหนึ่งเคยอาศัยอยู่ในจิตใจดีดีของมนุษย์กับเจ้าคำขอโทษใช่ไหม? ”
“ ถูกต้อง เราคือตำนานนั่น ตั้งแต่ผู้คนขับไล่เราออกจากใจ เราก็ต้องระเห็ดมาอยู่ที่ดินแดนลึกลับนี่ ”
“ แล้ว….แล้วเจ้าคำขอโทษที่หน้าตาเหมือนก้อนเมฆล่ะ เพื่อนรักของเจ้าหายไปไหนเสีย? ”
“ เราจะพาท่านเจ้าแห่งความโกรธไปพบพวกเขา ” เจ้าให้อภัยพูดจบก็เดินนำออกไป
ที่หน้าผาแห่งหนึ่ง หลุมศพของเจ้าคำขอโทษทั้งหลายตั้งตระหง่านอยู่
“ สุสานนี้เราทำเพื่อเพื่อนอันเป็นที่รัก มนุษย์ต่างขับไสไล่ส่งเราทั้งสองออกจากใจด้วยไฟอาฆาต เราได้แต่เก็บร่างของพรรคพวกที่ยังไม่เป็นผงเถ้ามาไว้ที่นี่ ส่วนป่าช้าของชาวให้อภัย เราฝังไว้ที่หน้าผาฝั่งตรงข้าม ”
“ เราไม่น่าเลย เราไม่น่าเข้าสิงใจผู้คนเช่นนั้น ” เจ้าแห่งความโกรธโศกสลด
“ ไม่ใช่เพราะท่านหรอก เพราะมนุษย์ต่างหาก พวกเขาไม่รู้เท่าทันใจตนเอง ยอมเปิดประตูให้ท่านเข้าไปเอง เรียกได้ว่า เขาเป็นฝ่ายให้อาหารและทำให้ท่านเติบโต โตจากความหงุดหงิดเล็กๆ เป็นความอาฆาตมาดร้าย ด้วยตัวเขาเอง… ”
“ อภัย…. เราทำกับพวกท่านเช่นนี้ ท่านกลับไม่คิดทับถมเราแม้แต่น้อย ” เจ้าแห่งความโกรธซึ้งใจ
“ จะโกรธไปทำไม ท่านก็เห็นแล้วนี่ว่ายิ่งทวีความคลั่งแค้น โลกก็ยิ่งเต็มไปด้วยเลือด เลือดต่อเลือดในที่สุดก็ไม่เหลืออะไร นอกจากความเสียใจ..อย่างเดียวดาย ”
เจ้าแห่งความโกรธคิดถึงโลกที่ตัวเองเพิ่งแผดเผา บัดนี้นอกจากดินแดนลึกลับที่เจ้าให้อภัยปกป้องเอาไว้ได้ ดินแดนอื่นมีแต่ซากศพเหม็นเน่าคละคลุ้งแทบทุกตารางนิ้ว
“ เรา…เราหยิ่งผยองว่าตัวเราแน่ สุดท้ายแม้แต่เราเองก็ไม่เหลือใคร…. เราขอโทษ ”
มันเป็นคำขอโทษทั้งน้ำตา
เจ้าให้อภัยเห็นดังนั้นก็ระบายยิ้มแรกในรอบหลายสิบปีตั้งแต่หลบหนีมาซ่อนตัว
“ เราให้อภัยท่านนะ ”
วาจาที่เปล่งออกมานั้นส่งไปถึงใจของเจ้าแห่งความโกรธ ร่างของมันแปรเป็นสีสว่างสุกใส
“ นั่นไง ละความโกรธได้ ท่านก็กลายเป็นปัญญา ว้าว…” เจ้าให้อภัยปลื้มใจ
“ ว้าวด้วยคนๆ ”
เสียงแว่วเล็กๆ ดังมาจากทางสุสาน เจ้าคำขอโทษแต่ละตนค่อยๆ ฟื้นชีพกลับมาจากคำที่เอ่ยจากใจของเจ้าแห่งความโกรธ
“ เราให้อภัย ให้อภัยๆๆ ”
เสียงก้องแว่วมาจากทางป่าช้าที่ตั้งบนหน้าผาอีกลูก
หลายวันผ่านไป….
หนุ่มหน้าตาหล่อ ยืนอยู่ที่ปากทางออกสู่โลกมนุษย์ แม้เพื่อนหน้าตาประหลาดของเขาหายไปตั้งแต่ฟื้นคืนสติ แต่เขามั่นใจว่าตนไม่ได้อยู่บนโลกนี้คนเดียว เขาจะต้องได้พบมนุษย์สักคน และช่วยกันสร้างโลกที่งดงามได้อีกหน
ไม่รู้อะไรทำให้ใจเขาปลอดโปร่งและเปี่ยมด้วยพลัง
อาจเป็นเพราะเจ้าให้อภัย เจ้าคำขอโทษ และเจ้าปัญญา ที่ร่วมกันอาศัยอยู่ในใจเขาก็เป็นได้
................................................................................................................................................................
อ่าน คำขอโทษที่ 1001 ภาคแรก คลิกเลยจ้า ^_^
คำขอโทษที่ 1001
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น